กินยาหมอเส็งเวลาไหนได้ผลดี 40 เท่า

พอดีไปอ่านเจอหนังสือดีๆเล่มหนึ่งที่เขียนโดยอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ที่มีชื่อว่า “นาฬิกาชีวิต (biological clock)” ซึ่งได้ให้ความรู้และกล่าวถึงการใช้ชีวิตของคนเราให้เหมาะสมกับเวลาที่ลมปราณไหลผ่านอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย โดยมีสาระสำคัญที่ผมได้ยกมาจากหนังสือเล่มนี้ดังต่อไปนี้

นาฬิกาชีวิต

การแพทย์ตะวันออกถือว่า กลางวันและกลางคืนมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก โดยมองลึกลงไปอีกว่า ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้น ภายในร่างกายของมนุษย์ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในของร่างกายซึ่งประกอบด้วย อวัยวะตันและอวัยวะกลวง

  • อวัยวะตัน หมายถึง หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต
  • อวัยวะกลวง หมายถึง กระเพาะอาหาร ถงุน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ
  • ระบบความร้อนของร่างกาย (ชานเจียว)

การไหลเวียนของพลังชีวิต (ลมปราณ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลาสองชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือ หนึ่งวัน เรียกว่า “นาฬิกาชีวิต” ตัวอย่างเช่น การไหลเวียนของเส้นลมปราณปอด จะมีพลังไหลเวียนเริ่มต้นที่เวลา 03.00 น. และสูงสุดในช่วงประมาณ 04.00 น. จากนั้นจะค่อยๆ ลดลง และออกจากเส้นลมปราณปอดไปยังเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่เวลา 05.00 น. การรักษาโรคของเส้นลมปราณปอดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดจึง ควรอยู่ระหว่างเวลา 03.00-05.00 น. ได้มีการศึกษาวิจัยพบว่า ผลของการใช้ยาตะวันตก คือ ยาดิติตาลิส ในการรักษาโรคหัวใจล้มเหลว (มีการคั่งของน้ำในปอด) การให้ยาในช่วงเวลา 04.00 น. จะให้ผลออกฤทธิ์ประมาณ 40 เท่า ของการให้เวลาอื่น เป็นต้น

ช่วงเวลาระบบที่เกี่ยวข้องข้อควรปฏิบัติ
01.00-03.00ตับนอนหลับพักผ่อนให้หลับสนิท
03.00-05.00ปอดตื่นนอน สูดอาการบริสุทธิ์
05.00-07.00ลำไส้ใหญ่ขับถ่ายอุจจาระ
07.00-09.00กระเพาะอาหารกินอาหารเช้า
09.00-11.00ม้ามพูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ
11.00-13.00หัวใจหลีกเลี่ยงความเครียดทั้งปวง
13.00-15.00ลำไส้เล็กงดอาหารทุกประเภท
15.00-17.00กระเพาะปัสสาวะทำให้เหงื่อออก(ออกกำลังกายหรืออบตัว)
17.00-19.00ไตทำให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอน
19.00-21.00เยื่อหุ้มหัวใจทำสมาธิ หรือสวดมนต์
21.00-23.00ระบบความร้อนของร่างกายห้ามอาบน้ำเย็น ตากลม ทำร่างกายให้อบอุ่น
23.00-01.00ถุงน้ำดีดื่มน้ำก่อนเข้านอน

การเคลื่อนไหวของพลังชีวิตของอวัยวะ ภายในปีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนและสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเวลา (นาฬิกาชีวิต) ร่างกายเราจึงมีกลไกการปรับตัวมีการสร้างสารคัดหลั่งฮอร์โมน การทำงานของระบบต่างๆ ฯลฯ เป็นไปตามสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป

เกี่ยวกับการกินยาหมอเส็งอย่างไร ?

“สาระสำคัญของเรื่องนี้ คือ การกินยาหมอเส็งตามนาฬิกาชีวิตครับ จากข้อมูลในหนังสือที่ผมได้ยกมาให้อ่านจะทราบว่า การให้ยาในเวลาที่ลมปราณไหลผ่านอวัยวะที่เรามีปัญหาจะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น 40 เท่าตัว ยกตัวอย่างเพิ่มเติม เช่น

 

หากเรามีปัญหาโรคกระเพาะอาหาร เวลาที่เหมาะกับการใช้ขมิ้นชันหมอเส็ง ให้รักษาโรคกระเพาะอาหารให้ได้ผลดี คือ ช่วงเวลา 07.00 – 09.00 และถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุด เวลาที่ควรทานยา คือ 08.00 เพราะเป็นเวลากึ่งกลางในช่วงเวลาที่ลมปราณไหลผ่านกระเพาะอาหารพอดี”

ทีนี้ปัญหาที่ผมคาดว่าท่านผู้อ่านน่าจะต้องเจอ คือ แล้วถ้าป่วยเป็นโรค… ต้องทานยาหมอเส็งเวลาไหนดี ? ถ้าเป็นโรคที่เข้าใจง่ายอย่างกระเพาะอาหาร ดูในตารางนาฬิกาชีวิตด้านบนก็พอจะทราบได้ใช่ไหมครับ ? แต่ถ้าเป็นโรคที่สลับซับซ้อนหน่อย เช่น อัลไซเมอร์ ประจำเดือนมาไม่ปกติ ซีสต์ในอวัยวะสืบพันธุ์ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ไมเกรน ดูจากตารางก็อาจจะไม่ทราบใช่ไหมครับ ? ดังนั้น ผมเองจึงได้รวบรวมเวลาที่เหมาะสมในการทานยาสำหรับผู้ป่วยโรคยอดนิยม 7 โรค ไว้ให้ แต่บอกไว้ก่อนนะครับว่าอย่าเชื่อผมทั้งหมด เพราะผมใช้วิธีอ่านเนื้อหาในเว็บ pendulumthai.com แล้ววิเคราะห์ด้วยตนเอง

อาการเจ็บป่วยระบบที่เกี่ยวข้องช่วงเวลา
เบาหวานม้าม, ตับอ่อน09.00 – 11.00
มีบุตรยากกระเพาะปัสสาวะ15.00 – 17.00
ไทรอยด์กระเพาะปัสสาวะ15.00 – 17.00
ริดสีดวงทวารสำไส้ใหญ่05.00 – 07.00
เกาต์ม้าม, ตับอ่อ่น09.00 – 11.00
ประจำเดือนมาไม่ปกติกระเพาะปัสสาวะ15.00 – 17.00
ปวดประจำเดือนกระเพาะปัสสาวะ15.00 – 17.00
เสื่่อมสมรรถภาพทางเพศกระเพาะปัสสาวะ15.00 – 17.00
สิวตับ01.00 – 03.00
ไมเกรนถุงน้ำดี23.00 – 01.00

หวังว่าจะมีประโยชน์กับท่านผู้อ่านแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีและขอย้ำนะครับว่าไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ ทดลองทานยาตามเวลาที่คิดว่าเหมาะสมดูแล้วผลที่ได้จะเป็นตัวบอกเองว่า เราทานยาหมอเส็งได้ถูกเวลาหรือเปล่า ?